เห็นโยมพ่อ ไม่ถึงปีก็พลัดพราก (ชีวประวัติพระครูบาบุญชุ่ม)
โยมแม่แสงหล้าได้แต่งงาน กับโยมพ่อค้าหล้า มานานระยะหนึ่ง ก่อนตั้งครรภ์ โยมแม่ของท่านได้มีนิมิตดี ฝันไปว่า “ได้ขึ้นภูเขาไปไหว้ พระพุทธรูปทองคําองค์ใหญ่เหลือง อร่ามงามมากนัก” แล้วสะดุ้งตื่น และปลาบปลื้มใจมาก
อยู่มาไม่นานนักโยมแม่ก็ เริ่มตั้งครรภ์ ครั้นอายุลูกในครรภ์ได้ ครบ ๑๐ เดือน ก็ได้ให้กําเนิดเด็กชายบุญชุมซึ่งเป็นเด็กหน้าตาน่า รักน่าเอ็นดู จากนั้นต่อมาแม่ก็มีเหตุแยกกันอยู่กับพ่อคําหล้า เพราะต้องกลับไปดูแลแม่อุ้ยนางหลวงคือ มารดา หรือคุณยายของครูบาบุญชุ่ม ซึ่งแก่เฒ่าลงไม่มีใครดูแล
ส่วนพ่อค้าหล้าก็กลับไปดูแลแม่หลวงอุ่นของตนบ้าง จึงเป็นเหตุ ให้ครอบครัวต้องแยกกันอยู่ และท่านได้เลือกอยู่กับโยมแม่ ความทรงจํารําลึกได้โดยประหลาดว่า เมื่อท่านอายุครบ 5 เดือน พ่อคําหล้าได้มาเยี่ยม ซื้อเสื้อผ้ามาฝากลูกด้วย แต่กลับไปไม่นาน โยมพ่อก็ได้ล้มป่วยด้วยโรคบิดอย่างกะทันหัน จนถึงแก่กรรม
เมื่ออายุได้เพียง ๒๕ ปี เท่านั้น เมื่อต้องย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง ขณะนั้นครูบาฯ อายุได้ ๔ ขวบ แม่ อุ้ยนางหลวงและโยมแม่แสงหล้า ได้อพยพจากบ้านด้าย ในตําบลป่าสัก อําาเภอเชียงแสนไปอยู่ บ้านใหม่ ที่หมู่บ้านทาดอนชัย ตําบลแม่ทา อําเภอ สันกําแพง(ปัจจุบันแยกการปกครองออกมาเป็นอําเภอแม่
ออน) จังหวัดเชียงใหม่และสมรสใหม่กับนายสม ชัยวงศ์คํา มีบุตรชายคนหนึ่ง ชื่อว่า เด็กชายวีนัส (แดง) ต่อมาได้บวชเรียนเป็นครูบา อีกรูปหนึ่ง
ส่วนบุตรหญิง ๒ คนที่เป็นน้องต่างบิดา คือเด็กหญิงเอื้องฟ้า และเด็กหญิงอ้อมใจ ชัยวงศ์คํา (น้องเอื้องฟ้านั้นถูกสุนัขกัดตาย เมื่ออายุ ๔ ขวบ)
จนเมื่อโยมยาย คือแม่อุ้ยนางหลวงได้ถึงแก่กรรมไป ครอบครัว ของเด็กชายบุญชุ่ม ยิ่งลําบากมากกว่าเก่า บ้านก็ถูกซื้อขาย ทุกคนต้อง แยกย้ายอพยพไปหาที่อยู่ใหม่
เหมือนชนเผ่าหรือชาวชาติพันธุ์หอบสิ่งของ อุ้มลูกเล็กจูงคนโตออกจากวนอุทยานของหลวงไม่มีผิด มาได้ที่น้อย ๆ เชิงดอยม่อนเลี่ยมอันเป็นที่สูง อากาศเย็นไม่มี ประโยชน์ต่อใคร สมัยนั้นนอกจากกวางผา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ สูงชันแล้ว ก็มีแต่ชาวเขาเผ่าลาหู นอกจากนี้ไม่มีใครอาศัย แต่คนจน ย่อมไม่มีสิทธิเลือก ครูบาฯ ได้แต่ช่วยโยมแม่ก็ทํากระต๊อบเล็ก ๆ อยู่ กัน ๔-๕ คน แม่ลูก



ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น